สร้างซิกแพคผู้ชาย ทางที่จะช่วยให้คุณผู้ชายมีซิคแพ็คไว้อวดสาว ๆ เชื่อเลยว่าเป้าหมายหลัก ๆ ในการออกกำลังกายของผู้ชายแทบทุกคนนั้น นอกจากจะทำเพื่อสุขภาพและลดน้ำหนัก ให้มีรูปร่างที่ดูดีแล้ว ยังรวมไปถึงการสร้างกล้ามเนื้อแต่ละส่วนให้มีความแข็งแกร่งด้วย โดยเฉพาะหน้าท้องที่สาว ๆ ทุกคนเห็นเป็นต้องกรี๊ดซึ่งเป็นจุดที่กล้ามขึ้นยากมาก ๆ เพราะต้องอาศัยทั้งวินัย การควบคุมอาหาร และวิธีการออกกำลังที่ถูกต้องประกอบกันด้วย ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมเอาท่าบริหารหน้าท้องสุดโหดที่รับประกันว่าคุณจะมี ซิกแพ็ค แน่นอน ลองไปฝึกดูกันครับ — สร้างซิกแพคผู้ชาย
สร้างซิกแพค สำหรับท่านี้เริ่มจากนั่งคุกเข่าหันหน้าเข้าหาบาร์เบล แล้วใช้มือทั้งสองข้างจับบาร์เบลไว้ โดยวางมือให้ห่างกันประมาณ1คืบ จากนั้นค่อย ๆ ออกแรงดันบาร์เบลไปด้านหน้าให้ได้มากที่สุด แล้วค่อย ๆ ถอยกลับมาสู่ท่าเริ่มต้น จึงนับเป็น 1 ครั้ง ซึ่งมาตรฐานดี ๆ ควรทำให้ได้ 10 ครั้ง ต่อ 1 เซ็ท แล้วต้องทำทั้งหมด 4 เซ็ทด้วยกัน
ท่าเตรียมสำหรับท่า Side Plank Row นั้นเริ่มด้วยการเริ่มต้นนอนตะแคงไปทางขวา แล้วใช้ศอกขวาดันตัวขึ้นจากพื้นซักระยะนึง แล้วให้ใช้มือซ้ายดึงเชือกออกกำลังกายเข้าหาลำตัว และปล่อยค่อย ๆ ปล่อยออกให้เป็นจังหวะจนครบ 12 ครั้ง แล้วเปลี่ยนไปทำอีกข้าง อีก 12 ครั้ง เมื่อเสร็จแล้วนับเป็น 1 เซ็ท แล้วต้องทำทั้งหมด 4 เซ็ทด้วยกัน
สำหรับท่านี้เริ่มด้วยการยืนตัวตรงเท้าชิดกัน ขณะที่มือต้องจับส่วนปลายของบาร์เบลให้มั่นคงที่สุดเพื่อความปลอดภัย จากนั้นโยกบาร์เบลไปด้านข้างลำตัวแบบช้า ๆ เพื่อให้รู้สึกโดนกล้ามเนื้อมากที่สุด โดยให้โยกสลับซ้าย-ขวา จึงนับเป็น 1 ครั้ง ต้องทำให้ครบ 12 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ให้ทำทั้งสิ้น 3 เซ็ท ด้วยกัน
สำหรับท่านี้ เริ่มจากนอนตะแคงข้างบนม้านั่งพร้อมยกลำตัวส่วนบนขึ้น ในขณะเดียวกันมือทั้งสองข้างจับแผ่นยกน้ำหนักไว้ ขั้นตอนต่อมาให้ดันแผ่นดังกล่าวไปด้านหน้าแบบช้า ๆ และค่อย ๆ ดึงกลับ ทำให้ครบ 12 ครั้ง แล้วสลับไปทำอีกข้าง อีก12ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ต้องทำทั้งสิ้น 3 เซ็ท ด้วยกัน
สำหรับการฝึกท่านี้ยังใช้แผ่นยกน้ำหนักเหมือนกับท่าที่4 โดยจัดท่าเตรียมด้วยการนอนหงายลงที่พื้น แล้วใช้มือจับแผ่นยกน้ำหนักไว้ พร้อมเหยียดแขนขึ้นจนสุด จากนั้นทำท่าซิทอัพแบบปกติให้ครบ 10 ครั้ง แล้วจึงนับเป็น 1 เซ็ท ให้ทำทั้งหมด 4 เซ็ทด้วยกัน
ท่านี้ยังอยู่ที่การนอนหงาย แต่คราวนี้เปลี่ยนมาใช้ลูกบอลออกกำลังแทน เป็นท่าออกกําลังกายมือใหม่ โดยให้นอนลงที่พื้น พร้อมกับยกลำตัวส่วนบนและขาขึ้น เพื่อไม่ให้ติดพื้น ขณะที่มือพยายามจับลูกบอลไว้ที่ระดับหน้าท้อง และให้บิดตัวไปด้านข้างพร้อมลูกบอลสลับซ้าย-ขวา ไปมาจนครบข้างละ 10 ครั้ง ให้นับเป็น 1 เซ็ท ให้ทำทั้งหมด 4 เซ็ทด้วยกัน
ท่านี้lเริ่มจากยืนวางเท้าให้ความกว้างของเท้าทั้ง2ข้างมีระยะห่างเท่าช่วงไหล่ และช้มือขวาจับดัมเบลไว้พร้อมเหยียดแขนขึ้นจนสุด แล้วพยายามให้งอตัวจนมือซ้ายแตะพื้นแล้วกลับสู่ท่าเตรียม ต้องให้ได้ข้างละ 12 ครั้ง ให้นับเป็น 1 เซ็ท ให้ทำทั้งหมด 4 เซ็ทด้วยกัน
สำหรับท่านี้ให้จัดท่าเตรียม โดยการนั่งคุกเข่าหันหน้าเข้าหาเครื่องออกกำลัง ส่วนมือทั้งสองข้างจับสายเคเบิลไว้เหนือศีรษะ แล้วต่อมาให้ออกแรงแขน พร้อมเกร็งหน้าท้อง เพื่อดึงสายเคเบิลลงจนสุด แล้วค้างไว้สัก 2 วินาที แล้วค่อย ๆ ผ่อนตัวกลับสู่ท่าเตรียม ทำให้ครบ 12 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ให้ทำทั้งหมด 4 เซ็ทด้วยกัน
สำหรับท่านี้ เริ่มจากนอนตะแคงข้างขวาลงที่พื้น แล้ววางมือซ้ายไว้ด้านหลังศีรษะ จากนั้นให้ยกลำตัวส่วนบนและขาซ้าย เคลื่อนที่เข้าหากันช้า ๆ จนครบ 12 ครั้ง แล้วจึงสลับไปทำอีกข้าง จนครบ 12 ครั้งเช่นกัน นับเป็น 1 เซ็ท ให้ทำทั้งหมด 4 เซ็ทด้วยกัน
สำหรับท่า ออกกำลังกาย ท่านี้ เริ่มด้วยการนอนราบลงไปกับพื้น จากนั้นยกเท้าทั้งสองข้างพาดบนลูกบอลไว้ แล้วใช้แขนดันตัวขึ้นมา เมื่อพร้อมแล้วให้งอเข่าเคลื่อนลูกบอลเข้า-ออก หาตัวแบบช้า ๆ หรือ ให้เป็นจังหวะจนครบ 10 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ท ให้ทำทั้งหมด 4 เซ็ทด้วยกัน
ท่าเสริมกล้ามสุดอันตราย หากไม่ชำนาญพอ ที่คุณควรรู้ เชื่อเลยว่าผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ออกกำลังหวังสร้างกล้ามให้ฟิต แอนด์ เฟิร์ม ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักใช้วิธีออกกำลังแบบเวทเทรนนิ่งแน่นอน เพราะลักษณะการยกในหลาย ๆ ท่าช่วยให้กล้ามเนื้อเราแข็งแรงยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้บางท่าก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้มากเช่นเดียวกัน ซึ่งควรจะต้องระวังเป็นพิเศษ ส่วนจะมีท่าอะไรบ้างที่อันตราย ๆ นั้น เราได้คัดมาให้แล้ว 5 ท่าด้วยกัน ไปดูกันได้เลย — ท่าเสริมกล้ามสุดอันตราย
การสร้างซิกแพค ดวยท่า Upright Row เป็นท่าประจำ เพราะช่วยบริหารกล้ามเนื้อหลังส่วนบนได้ดี โดยท่านี้จะเน้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อไหล่และข้อศอก จะเห็นได้ชัดว่าไหล่จะห่อตัวและข้อศอกจะงอ เวลาที่ยกบาร์เบลขึ้น ซึ่งหากใช้บาร์เบลที่มีน้ำหนักมากเกินไปหรือยกขึ้นผิดวิธี อาจทำให้เอ็นข้อไหล่ฉีกได้ ซึ่งต้องพักไม่ต่ำกว่า 4 เดือนเลยทีเดียว ทางที่ดีถ้ายังไม่ชำนาญท่านี้ อาจจะลองเปลี่ยนไปเล่นท่า Shrug หรือ Prone Shrug แทนดูก็ได้เหมือนกัน
การสร้างซิกแพค สำหรับท่า Behind The Neck Barbell Press นี้เรียกได้ว่าเป็นอีก1 ท่ายอดฮิตในการเสริมกล้ามเนื้อไหล่ เลยทีเดียว แต่การยกบาร์เบลไปด้านหลังในลักษณะนี้นั้นจะทำให้มีโอกาสทำให้เอ็นข้อไหล่ฉีกขาดได้เช่นกัน อีกทั้งยังทำให้เกิดแรงกดทับที่บริเวณเส้นเอ็นบริเวณใกล้เคียงด้วย เราขอแนะนำให้เลี่ยงไปใช้ท่าฝึกกล้ามเนื้อไหล่อย่าง Overhead Dumbbell Press และ Military Press แทน เพราะโดนบริเวณหัวไหล่เหมือนกัน
การสร้างซิกแพคท่านี้จะเน้นสร้างความแข็งแก่รงให้กล้ามเนื้อเอ็นร้อยหวายเป็นหลัก ตามมาด้วยกล้ามเนื้อสะโพกและหลังส่วนล่าง แต่จุดที่ใช้การเคลื่อนไหวมากกว่าส่วนอื่นดันเป็นกล้ามเนื้อสะโพก ซึ่งหากยกบาร์เบลผิดท่าและใช้น้ำหนักมากไป อจจะส่งผลให้มีอาการหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เป็นอัมพาตได้ในทันที ถ้าอยากเน้นบริหารกล้ามเอ็นร้อยหวาย ลองใช้ท่า Leg Curl ดู ดีกว่า เพราะปลอดภัยกว่าเยอะ
แม้ว่าการฝึกท่า สร้างกล้ามหน้าท้อง Behind The Neck Lat Pulldown จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างได้โดนมาก ๆ แต่การดึงบาร์ขึ้น-ลงที่ด้านหลังคอ อาจทำให้เสี่ยงต่อปัญหาเอ็นข้อไหล่ฉีกได้เหมือนกัน โดยเราขอให้เปลี่ยนมาฝึกด้านหน้าด้วยท่า Front Lat Pulldown แทน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ในทันที แถมได้แรงพอ ๆ กันด้วย
เชื่อเลยว่าร้อยทั้งร้อย ต้องเคยฝึกท่านี้โดยการนั่งยกดัมเบลเพื่อต้องการเสริมกล้ามเนื้อแขนส่วนไบเซ็ปส์ให้ใหญ่โต โดยเราแนะนำให้หันไปใช้ท่า Standing Bicep Curl แทน ซึ่งเป็นท่ายืนยกดัมเบล เพราะท่า Bicep Concentration Curl ไม่เพียงแค่ทำให้ร่างกายอยู่ในท่าที่ผิดรูปแล้ว ยังไม่ช่วยปั้นไบเซ็ปส์ให้แข็งแกร่งตามที่หวังไว้ด้วย
วิธีฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เคล็ด ” ไม่ ” ลับ ทำอย่างไรให้ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อของคนเรามักจะมีอาการเมื่อยล้า จากการออกกำลังกายอย่างหนัก ซึ่งบางคนอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายวัน กว่าจะกลับมาออกกำลังได้เต็มที่อีก ทำให้เสียเวลาไปพอสมควร ดังนั้นเพื่อให้กล้ามเนื้อพร้อมใช้งานได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เราจึงรวบรวมวิธีที่จะช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็วมาฝากกันครับ — ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
การพักผ่อนให้เพียงพอ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนที่อยากมีรูปร่างที่ฟิต แอนด์ เฟิร์มมากเลยทีเดียว โดยปกติคนเราต้องนอน 6-8 ชั่วโมง แต่สำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว หากเป็นไปได้แนะนำให้นอนประมาณ 7-9 ชั่วโมง เพราะเราใช้กล้ามเนื้อมากกว่านั่นเอง โดยการนอนหลับที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายหลั่งเทสโทสเตอโรนและโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นสารรักษากล้ามเนื้อออกมาได้เต็มที่ ซึ่งมีผลต่อการฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี
หลายคนอาจคิดว่าการพักกล้ามเนื้อแบบเต็มที่ จะทำให้กล้ามเนื้อฟื้นฟูได้ไว แต่บอกเลยว่าไม่จริง เพราะหากกล้ามเนื้อไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย จะยิ่งทำให้ฟื้นฟูได้ช้า เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ช้านั่นเอง ทางที่ดีเราแนะนำให้ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น เช่น จ๊อกกิ้ง, ยืดกล้ามเนื้อ, เดิน, ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน เป็นต้น
สำหรับคนที่เลือกกินอาหารแบบอ้วน ๆ อร่อย ๆ หรือที่เรียกว่า Cheat Meal หรือ Cheat Day นั้น แม้จะเป็นการกินที่ไม่มีวินัยเหมือนในวันปกติมากเท่าไรนัก แต่ก็ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูกล้ามเนื้อด้วย โดยควรกินเนื้อสัตว์และผักใบเขียวที่ให้โปรตีนสูง เอาไว้ก่อน หรือจะกินดาร์กช็อกโกแลต, ชีส, แซลมอน และถั่ว ซึ่งล้วนเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันดี แทนก็ได้ รวมถึงกล้วยและมันฝรั่งที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
ปกติแล้ว การดื่มน้ำเปล่าระหว่างการออกกำลังช่วยทดแทนระดับน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปในรูปแบบของเหงื่อ ทว่าวันไหนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย เราก็ยังแนะนำให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เหมือนเดิม เพราะเป็นการช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายและกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในระดับปกติและช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อได้เร็วยิ่งขึ้น
หลังจากที่ออกกำลังมาอย่างหนักหน่วง ร่างกายและสมองต่างก็ต้องการพัก ดังนั้นหากเราไม่เครียดมันจะสามารถช่วยลดปริมาณคอร์ติซอลและกรดแลคติกในร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น แต่หากเครียดมันจะตรงกันข้าม ซึ่งก็มีวิธีง่าย ๆ อย่างเช่น นั่งสมาธิและฟังเพลงเบา ๆ เป็นต้น ในการคลายเครียด
การไปนวดในวันหยุดพัก เป็นวิธีที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ดีเพราะทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากการนวดช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดและการลำเลียงอาหารไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
อาหารเสริมไม่เพียงจะช่วยให้กล้ามเนื้อโตไวแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วอีกด้วย โดยเราแนะนำว่าให้เลือกกินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ วิตามินดี, กลูตามีน, โอเมก้า 3, แมกนีเซียม และกรดอะมิโน BCAAs รวมถึงเวย์โปรตีน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องกินให้พอดี ๆ ด้วย
ควรเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเครื่องดื่มประเภทนี้นอกจากจะทำให้เสียสุขภาพแล้วยังจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ เวลาพักผ่อน และส่งผลให้กล้ามเนื้อโตช้า แถมทำให้เหนื่อยง่ายกว่าเดิมอีกด้วย
กินอาหารเพื่อสุขภาพ เคล็ด (ไม่) ลับ มีสุขภาพที่ดีแบบยั่งยืนของคุณผู้ชาย เชื่อเลยว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยต่างอยากมีสุขภาพที่ดี แต่การที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั้น นอกเหนือจากการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอและพักผ่อนแล้ว อาหาร ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เหมือนกัน ซึ่งผู้ชายไทย มักจะมองข้ามความสำคัญของอาหารไป โดยมักจะกินแบบไม่คิด ทำให้ผลที่ตามมาด้านสุขภาพก็คือเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่โถมเข้ามายามแก่ชรา เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหารบางประเภทไป จนทำให้เกิดโรค
ดังนั้นการเลือกอาหารการกินจึงมีผลต่อสุขภาพสูงมากเลยทีเดียว โดยวันนี้เราได้นำข้อมูลของ Rob Hobson นักโภชนาการระดับโลกชาวอังกฤษ ที่ออกมาเผยว่าผู้ชายอย่างเราควรกินอะไรบ้างเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง —กินอาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารเพื่อสุขภาพ ปลาที่ใครหลาย ๆ คนชื่นชอบอย่าง ปลาแซลมอน อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์สูงมากต่อร่างกาย ทั้งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ป้องกันโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ช่วยให้มีลูกได้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยผ่อนคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แหล่งอาหารที่มีโอเมก้า 3 เยอะ นอกจากแซลม่อนแล้ว ก็ยังมีทั้งปลาทูน่า ปลาเฮอร์ริง ปลาแมคเคอเรล และปลาซาร์ดีน โดยทาง ร็อบ ฮ็อบสัน ได้แนะนำให้กินเมนูที่ได้จากปลาเหล่านี้อย่างน้อย 1 ครั้ง/อาทิตย์
พริกหยวกสีแดง จัดว่าเป็นแหล่งรวมวิตามินซีชั้นดีเลยก็ว่าได้ เพราะแค่กินพริกหยวกครึ่งลูก ก็ให้วิตามินซีสูงถึง 200 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งเท่ากับความต้องการต่อวันของร่างกายแล้ว อีกทั้งยังมีไลโคปีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับต่อมลูกหมาก วิตามินบี 6 และโฟเลตที่ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง นอกจากพริกหยวกแล้ว ผัก-ผลไม้ชนิดอื่นที่มีสีแดงก็อุดมไปด้วยวิตามินซีและไลโคปีนเช่นกัน เช่น มะเขือ แตงโม และส้มโอแดง ดังนั้นควรกินผักผลไม้ที่มีสีแดงด้วย
กินอาหารเพื่อสุขภาพ สำหรับถั่วแดงต้องบอกเลยว่าเป็นอาหารที่ให้ไฟเบอร์สูงมาก ซึ่งไฟเบอร์จะทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่มีผลต่อความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคเบาหวานได้ รวมถึงทำให้รู้สึกอิ่มนาน อยู่ท้อง ไม่รู้สึกหิวง่าย ทำให้ห่างไกลจากโรคอ้วนที่อาจนำไปสู่โรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ซึ่ง ร็อบสัน ยังได้แนะนำให้ผสมถั่วแดงลงไปในเมนูเพื่อสุขภาพอย่าง สลัด ซุป หรือสตรูว์ เป็นต้น เพื่อง่ายต่อการกิน และความอร่อยที่จะได้รับ
ถั่ว เรียกได้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ เพราะถั่วอัดแน่นไปด้วยสารอาหารอย่างวิตามินอี แมกนีเซียม และวิตามินบี รวมถึงไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้ร่างกายไม่มีแนวโน้มเป็นโรคหัวใจ นอกจากนี้ถั่วยังมีสารซีลีเนียมปริมาณมาก โดยเฉพาะในถั่วจากประเทศบราซิล ซึ่งสารดังกล่าวจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้เป็นปกติ โดย ร็อบสัน ได้แนะนำให้กินถั่วแทนขนมขบเคี้ยวหรือโรยใส่ขนมที่เราชอบกินก็ได้
ใครที่ชอบกินสเต๊กอยู่แล้ว คงจะชอบใจเมื่อรู้ว่าเมนูโปรดของคุณมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยเช่นกัน เนื่องจากเนื้อวัว นั้นมีธาตุสังกะสีที่คอยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น และเร่งการผลิตเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมี ร็อบสัน ยังพบว่าสังกะสีมีส่วนช่วยลดอาการต่อมลูกหมากโตและความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ด้วย ดังนั้น วิธีจะกินสเต๊กแนะนำให้เลือกเนื้อวัวแบบไม่ติดมัน โดยให้กินในปริมาณไม่เกิน 500 กรัม ต่อสัปดาห์ ด้วยกัน
ใครที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงจนศีรษะล้านอยู่ เราขอแนะนำว่าให้รีบกินอาหารที่ทำจากสัตว์น้ำกินอาหารเพื่อสุขภาพที่มีเปลือก เช่น กุ้ง หรือ หอยนางรม ด่วน เพราะสัตว์น้ำที่มีเปลือก อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและสังกะสี โดยสารอาหารเหล่านี้จะช่วยบำรุงสุขภาพผมให้แข็งแรงและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับต่อมลูกหมาก และที่สำคัญสำหรับผู้ชายทุกคน หอยนางรมยังช่วยเพิ่มพลังทางเพศให้ผู้ชายได้มากโขอีกด้วย
กินอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วย ไข่ จัดว่าเป็นอาหารอีกประเภทที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายเยอะมาก เพราะไข่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด เหมาะกับคนที่อยากคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักมากเลย หรือจะเพิ่มน้ำหนักก็รับประทานได้ โดยเราแนะนำให้กินไข่ต้มหรือไข่ตุ๋นในมื้อเช้าเป็นประจำ เพราะนอกจากจะได้โปรตีนสูงแล้วยังจะทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน ไม่ค่อยหิวระหว่างวันเท่าไร
อาหารสุขภาพ ใครที่รู้สึกเครียดหนักจนน้ำหนักตัวลดไปโดยไม่รู้ตัว ถือว่าอันตรายสุด ๆ เพราะ อาจทำให้คุณอารมณ์แปรปรวนได้ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้กินข้าวโอ๊ตเป็นประจำ โดยอาจจะเพิ่มในอาหารเมนูหลักหรือจะกินเล่นก็ได้ เนื่องจากข้าวโอ๊ตมีไฟเบอร์ โปรตีน และไขมันดีในปริมาณที่สูง จึงช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล ส่งผลให้ความเครียดลดน้อยลง รวมถึงลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และคอเลสเตอรอลสูงด้วย
เอาล่ะ ใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงละก็ เราขอแนะนำให้กินอาหารเหล่านี้โดยด่วนเลย เพราะใครกินก่อนสุขภาพก็แข็งแรงก่อนและยิ่งถ้าพร้อมออกกำลังกายควบคู่ด้วยการ สร้างซิกแพคผู้ชาย กันไปด้วยตามท่าผู้ชายออกกําลังกายที่เราได้แนะนำเหล่านี้ คุณก็แทบจะไร้เทียมทานเลยแหละ
อ้างอิง :