ลดน้ําหนักแบบเร่งด่วน 1 เดือนหรือไม่? หรือลดน้ำหนัก 7 วัน 10 กิโล ซึ่งคำตอบคือ “มี” สามารถทำได้ตั้งแต่การใช้ 10 อันดับอาหารเสริมลดน้ำหนักสำหรับผู้ชาย การอดอาหารหรือควบคุมอาหาร ไปจนถึงการออกกำลังกายที่เน้นการเผาผลาญมาก ๆ แต่การลดน้ำหนักฉบับเร่งด่วนจะไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่นัก เหมาะสำหรับคนที่มีธุระสำคัญ หรือมีงานสำคัญที่ต้องไปออกงาน จึงจำเป็นต้องหาวิธีการลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน
โดยวิธีการลดน้ำหนักฉบับเร่งด่วนนั้น นอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาวแล้ว อาจจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น และยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโยโย่เอฟเฟกต์ตามมาอีกด้วย ดังนั้นการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน จึงไม่สมควรทำบ่อย เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพได้ดีที่สุด
บทความนี้จะพาคุณมาศึกษาเกี่ยวกับ ลดน้ําหนักแบบเร่งด่วน 1 เดือน ดื่มน้ำให้เยอะเท่าที่จะทำได้,พยายามลดโซเดียมในร่างกายให้ได้มากที่สุด,ออกกำลังกายตอนเช้า เพิ่มระบบการเผาผลาญได้เป็นอย่างดี,ลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร,ตั้งเป้าหมายการลดน้ำหนัก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพลดน้ำหนักได้ดีที่สุด และ แนะนำวิธีรับประทานอาหารให้ช้า และนับแคลอรีก่อนรับประทานอาหารเสมอ
โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะประกอบไปด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ และทุกคนรู้หรือไม่ว่า วิธีลดน้ําหนักแบบเร่งด่วน 1 เดือนจะสามารถทำได้ด้วยการดื่มน้ำเยอะ ๆ ปกติคนเราจำเป็นต้องดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว หรือ 1.8 ลิตรต่อวัน แต่หากใครที่ต้องการลดน้ำหนักฉบับเร่งด่วน ควรดื่มน้ำเข้าไปอีกให้มากกว่าปริมาณเดิม เนื่องจากคนเราจะสามารถดื่มน้ำได้สูงถึง 3-4 ลิตรต่อวัน แต่ข้อเสียของการดื่มน้ำเยอะ ๆ แบบกะทันหัน อาจจะส่งผลต่อการนอนหลับได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย ดังนั้นเราควรค่อย ๆ เพิ่มปริมาณการดื่มน้ำวันละ 2-3 แก้วไปก่อน หรือเลือกดื่มน้ำผลไม้แท้ หรือชาร่วมด้วยก็ดี
ทั้งนี้การดื่มน้ำในปริมาณมาก เพื่อช่วยลดน้ำหนักได้อย่างเร่งด่วน จะไม่เหมาะสำหรับคนที่มีความจำเป็นต้องออกไปทำงานข้างนอกบ้านเท่าไหร่นัก เพราะการดื่มน้ำในปริมาณมาก จะทำให้ร่างกายขับน้ำออกมาในปริมาณมากเช่นเดียวกัน และจะขับออกมาทางปัสสาวะ ดังนั้นเราอาจจะต้องเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าเดิม หากใครต้องออกไปทำงานข้างนอกบ้านก็อาจจะทำให้ไม่สะดวกเท่าไหร่นัก
การลดโซเดียมในร่างกาย จะถือเป็นอีกหนึ่งวิธีลดความอ้วนแบบธรรมชาติได้ดีที่สุด และสามารถทำได้ง่าย เพียงแต่เราจะต้องใจแข็ง เพราะการลดโซเดียมในร่างกาย จะหมายถึงการรับประทานอาหารใด ๆ ก็แล้วแต่ จะต้องมีปริมาณโซเดียมอยู่ที่ 500-1,500 มิลลิกรัม หรือควรงดการรับประทานอาหารแปรรูปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ซีเรียล อาหารชนิดอบ ไส้กรอก ปูอัด ชีส เนื้อต่าง ๆ ผักแช่แข็ง ซุปกระป๋อง ผักหรือถั่วกระป๋อง ขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ รวมทั้งขนมปังแผ่นด้วยเช่นกัน เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะมีเกลือเป็นส่วนประกอบทั้งหมด เพื่อทำหน้าที่ในการเพิ่มรสชาติ และเป็นวิธีการถนอมอาหารอีกหนึ่งวิธี และยังช่วยให้อาหารแปรรูปมีรสชาติอร่อยขึ้นกว่าเดิม เพิ่มความอยากอาหารให้เราได้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้นการลดปริมาณโซเดียมในร่างกาย จะเป็นวิธีลดน้ำหนักตามธรรมชาติที่ได้ผลมากที่สุด แม้ว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องทานโซเดียมเข้าไปบ้าง แต่เราควรเลือกเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร ด้วยการเลิกรับประทานอาหารแปรรูปทุกชนิด หันมาทำอาหารเพื่อรับประทานเอง เพื่อปรุงแต่งรสชาติอาหารให้น้อยที่สุด เลือกใส่เฉพาะวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างเช่น ไข่ คีนัว ผัก กระเทียม อาหารทะเล ถั่ว หรือธัญพืชที่ไม่เติมเกลือ เป็นต้น
หากพูดถึงการออกกำลังกายตอนเช้า จะเป็นสูตรลดน้ำหนัก 7 วัน แบบง่าย ๆ ซึ่งหลาย ๆ คนก็อาจจะมองว่า แค่ตื่นมาทำงาน หรือไปโรงเรียน ก็เป็นเรื่องยากมากแล้ว หากต้องตื่นมาออกกำลังกายก่อนด้วย จะทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม แต่การออกกำลังกายตอนเช้าในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการออกกำลังกายในฟิตเนสแบบจริงจัง แต่เป็นเพียงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ไม่ว่าจะเป็น การเดินเร็ว หรือการวิ่ง ซึ่งเราสามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยจะใช้เวลาในการออกกำลังกายตอนเช้าเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น
ซึ่งการออกกำลังกายตอนเช้าจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายของเราได้มากที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าพร้อมรับวันใหม่แล้ว ยังเป็นการช่วยให้ระบบเผาผลาญ และระบบย่อยอาหารเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มความพร้อมในการออกไปทำงาน หรือไปเรียนได้มากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากใครต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ลองทนตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าดูบ้าง รับรองได้เลยว่าจะช่วยลดน้ำหนักอย่างได้ผลแน่นอน
อยากลดน้ำหนักได้ในเวลาไม่กี่วัน การรับประทานอาหารจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เพราะเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี เพื่อช่วยให้เราลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญยังไม่โยโย่ และไม่เสียสุขภาพอีกด้วย ซึ่งเทคนิคการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนนั้น จะสามารถลดได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 เดือนอย่างแน่นอน แต่จะมีวิธีลดน้ำหนัก ผู้ชายด้วยการรับประทานอาหาร จะมีวิธีใดบ้าง ไปดูกันเลย
อีกหนึ่งตัวช่วยให้ทุกคนสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนัก เพราะเชื่อว่าทุกคนที่มีความคิดแน่วแน่ในการลดน้ำหนัก จะมุ่งมั่นไปที่การลดน้ำหนักอย่างเดียวแน่นอน แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของการลดน้ำหนักนั้น คือการที่ร่างกายของเราสามารถเผาผลาญแคลอรีมากกว่าการที่เรารับประทานอาหารในแต่ละวัน 500-1,000 แคลอรี โดยเราสามารถเผาผลาญแคลอรีได้อย่างง่ายดาย ด้วยการออกกำลังกายร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำนั่นเอง
ทั้งนี้การตั้งเป้าหมายการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด นอกจากจะต้องตั้งเป้าหมายและวางแผนเอาไว้อย่างดีแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนห้ามมองข้าม คือ การทำตามเป้าหมายอย่างเคร่งครัด เพราะเป้าหมายจะสำเร็จไม่ได้ หากเราไม่ทำตามอย่างเคร่งครัด อย่างเช่น ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าต้องการลดน้ำหนักภายใน 1 เดือน 10 กิโล เราจะต้องออกกำลังกายตอนเช้าด้วยการวิ่งหรือเดินเร็วเป็นเวลา 30 นาที และตอนเย็นจะออกกำลังกายด้วยการคาร์ดิโอ หรือบอดี้เวทเป็นเวลา 1 ชั่วโมงในทุกวัน เมื่อเราตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้ว จะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยปกติแล้วคนเราไม่ค่อยสังเกตการรับประทานอาหาร หรือการเคี้ยวอาหารของตนเองเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องที่เราทำปกติในทุก ๆ วัน แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า เราสามารถลดการบริโภคอาหาร หรือลดความหิวได้ง่าย ๆ ด้วยการรับประทานอาหารให้ช้าลง เคี้ยวอาหารให้มากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยควบคุมการรับประทานอาหาร และควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน หรือโรคอ้วนหลาย ๆ คน เลือกรับประทานอาหารให้ช้าลง เพื่อเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการควบคุมอาหารนั่นเอง ดังนั้นการเคี้ยวอาหารให้ช้า เพื่อให้อาหารละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม จะทำให้ร่างกายไม่ต้องรับประทานอาหารในปริมาณมากเกินไป
และการนับแคลอรีก่อนรับประทานอาหาร ยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี โดยการเริ่มต้นลดน้ำหนัก อาจจะเริ่มลดแคลอรีลงประมาณ 500 แคลอรีจากปริมาณอาหารทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน หลังจากนั้นค่อยเพิ่มจำนวนแคลอรีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้เมื่อเรารับประทานอาหารแบบนับแคลอรีแล้ว ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยลดน้ำหนักด้วยเช่นกัน
การลดน้ำหนักให้ได้ภายใน 1 เดือน แม้จะเป็นเรื่องยากแต่ก็สามารถทำได้ เพียงแต่วิธีการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนนั้น อาจจะมีผลเสียในระยะยาว หรือเมื่อเราหยุดลดน้ำหนักแล้วกลับมารับประทานอาหารแบบปกติ อาจจะทำให้ร่างกายเกิดโยโย่เอฟเฟคได้ง่าย ดังนั้นเราควรค่อย ๆ ลดปริมาณการรับประทานอาหาร และออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัว และลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ป้องกันปัญหาโยโย่เอฟเฟค และป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั่นเอง
อ้างอิง