สำหรับใครที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ๆ หรือต้องมีอีเวนท์ออกแดดมาก ๆ คงจะเคยมีอากาการแสบตามผิวโดยที่ไม่ทราบสาเหตุกันใช่มั้ยครับ สำหรับใครที่กำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้อยู่อย่าเพิ่มตื่นตกใจไป เพราะคุณอาจจะเกิดอาการ ผิวไหม้แดด ก็เป็นได้ วันนี้เราเลยอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับปัญหาผิวประเภทนี้กันให้มากขึ้นพร้อมวิธีรับมือและแก้ปัญหากัน จะมีอะไรบ้างลองไปดูกันเลย
แน่นอนว่าผื่นแดด ก็ต้องเกิดจากการที่ผิวของเราโดนแสงแดดนาน ๆ โดยรังสีอัลตราไวโอเลตของดวงอาทิตย์ (UV) และจากรังสียูวีเทียมเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนังของเรา ทำให้เซลล์ผิวหนังของเราเสียหาย ซึ่งผิวที่เสียหาย และระคายเคือง ทำให้ผิวกลายเป็นสีแดง ผิวไหม้จากแสงแดดสามารถเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสัมผัสกับแสงแดด หลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมงอาการระคายเคืองอื่น ๆ จะเริ่มอื่น ๆ จะเริ่มปรากฏ เช่น เจ็บ ปวด แสบร้อนและพุพองตามผิว โดยสามารถอยู่ได้นานสองสามวัน หรือสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพผิวและปริมาณการออกแดด นอกจากนี้อาการผิวไหม้แดดยังพบได้มากในคนที่มีผิวบอบบางไวต่อแสง ผู้ที่มีผิวขาวหรือผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของเม็ดสี ยาบางชนิดที่ทำให้ผิวไวต่อแสงเป็นต้น
อาการของผื่นแดดจะมีลักษณะเป็นรอยแดง แสบ ร้อน เป็นตุ่มน้ำพุพองตามผิวหนังโดยอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกายที่สัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ บริเวณที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ และเร็วกว่าปกติคือผิวที่บอบบางอย่างใบหน้า คอ หน้าอก หลัง และไหล่ เป็นต้น
หลาย ๆ คนที่เป็นอาจจะตกใจว่าผิวเป็นอะไร ร้ายแรงหรือเปล่า อย่าเพิ่งตกใจไปเพราะโดยส่วนมากแล้ว อาการมักจะหายไปได้เองภายในสองสามวัน แต่สำหรับคนที่มีปัญหาผิวบอบบางและไวต่อแสงแแดมากอาจใช้เวลานานในบางกรณี โดยการที่เริ่มหายคือผิวชั้นบนจะเริ่มลอกออกในช่วง 2-3 วันหลังการไหม้แดด ผิวใหม่ที่ขึ้นมาอาจจะยังมีสีที่ไม่สม่ำเสมอ หรือสีเข้มขึ้น
สำหรับการบรรเทาอาการสามารถรักษาได้ด้วยใช้ผ้าเย็นหรือผ้าชุบน้ำประคบลงบนผิวเผื่อปลอบประโลมผิวแต่ไม่ควรใช้น้ำที่เย็นจัด ทาครีมหรือเจลว่านหางจระเข้หรือคาลาไมน์ จากร้านค้า ร้านขายยา นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด ๆ บริเวณที่ผื่นขึ้นด้วยเพื่อป้องกันการระคายเคืองและเกิดผิวไหม้ซ้ำ แต่ถึงกระนั้นหากอาการรุณแรงและเรื้อรังไม่หายสักทีเราขอแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาเพิ่มเติม
หลังจากที่เราทราบกันไปแล้วถึงสาเหตุ อาการและวิธีรักษา คราวนี้เรามาลองดูกัยดีกว่าว่าจะเราจะมีวิธีป้องกันผิวไหม้แดดได้อย่างไรบ้าง เพื่อผิวของเราจะได้ไม่แสบร้อน คันยุบยิบกวนใจนั่นเอง ลองไปดูกันเลย
เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียวในการลงสกินแคร์ เพราะการทาครีมกันแดดช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำร้ายจากแสงแดด รวมไปถึงช่วยลดการเกิดปัญหาผิว ริ้วรอยได้ดี และช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังด้วยดังนั้นเราจึงควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอและควรทาเพิ่มระหว่างวัน ทาให้ทั่วทุกผิวที่สัมผัส รวมทั้งจมูก หู และริมฝีปาก โดยทาเพิ่มทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง และ ทุก 90 นาที ในกรณีที่ออกแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน
ก่อนออกแดดสิ่งสำคัญคือเราควรหาเสื้อผ้าและหมวกมาป้องกันผิวตัวและดูแลผิวหน้าของเราเพื่อให้สัมผัสกับแสงแดดน้อยที่สุดอย่างเช่นการส่หมวกปีกกว้างเพื่อช่วยในการปกป้องผิว การใส่เสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันผิว หรือการพกร่มเอาไว้เป็นต้น เพราะยิ่งเราให้ผิวของเราสัมผัสแสงแดดน้อยเท่าไหรโอกาสเกิดผิวไหม้แดดก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
การตากแดดนาน ๆ นอกจากจะทำมีโอกาสผิวไหม้แดดแล้วยังทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ และมีโอกาสเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา ดังอยู่ให้ห่างจากแสงแดดในช่วงเวลาที่มีแสงแดดจัด ๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาตั้งแต่ 10.00 น. ถึง 16.00 น.ที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มีรังสียูวีเข้มข้นมากที่สุด
ผิวพรรณที่แข็งแรงย่อมลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวตามมา ซึ่งหลังจากที่เราออกแดดเป็นเวลานาน ๆ ผิวของเราก็จะอ่อนแอ แห้งเสียและหมองคล้ำ ดังนั้นเราจึงควรบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของความชุ้มชื้นและการปลอบประโลมผิวจากความระคายเคือง
เป็นยังไงกันบ้าง กับข้อมูลเรื่องของผิวไหม้แดดที่เราได้นำมาฝากกัน หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย เพื่อป้องกันผิวของเราให้ไกลจากอาการไม่พึ่งประสงค์ ซึ่งสิ่งสำคัญถ้าหากไม่อยากให้เกิดอการเหล่านี้ก็อย่าลืมหลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
อ้างอิงจาก
https://www.skincancer.org/risk-factors/sunburn/
https://www.aad.org/public/everyday-care/injured-skin/burns/treat-sunburn
https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/guide/sunburn