เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพผิวพรรณของผู้คนทุกวันนี้ ก็ต้องบอกเลยว่ามีอยู่ด้วยกันหลากหลายวิธีเลย แต่ละวิธีก็มีข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ และปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบกันด้วยว่าจะเลือกดูแลตัวเองด้วยวิธีการใด หนึ่งในวิธีการดูแลตัวเองที่ปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมมาก ๆ จากผู้คน ก็คือ การกินคอลลาเจน ซึ่งจะสามารถเห็นถึงความนิยมของการกินคอลลาเจนได้เลยจากการที่มีแบรนด์อาหารเสริมคอลลาเจนออกมาให้เลือกซื้อเยอะมาก ๆ ทั้ง คอลลาเจนบำรุงผิวขาว คอลลาเจนบำรุงกระดูกหรือข้อต่อ แต่อย่างไรก็ตาม การกินคอลลาเจนก็จำเป็นต้องรู้วิธีการกิน และรู้ถึงรายละเอียดหลาย ๆ อย่างด้วย แล้วการ กินคอลลาเจนทุกวัน อันตรายไหม ? และมีเรื่องอะไรที่ต้องรู้บ้าง มาหาคำตอบกัน
คอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเนื้อเยื่อที่อยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กระดูก, กระดูกอ่อน, เอ็นกล้ามเนื้อ, กระจกตา, ส่วนของเนื้อฟัน, ผิวหนัง ฯลฯ โดยเซลล์ที่อยู่ในร่างกายจะสามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเองได้จากกรดอะมิโนต่าง ๆ ซึ่งจะอาศัยในส่วนของวิตามินซีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการสร้างคอลลาเจน
สำหรับการกินคอลลาเจนนั้น ก็เปรียบเสมือนกับการกินโปรตีนแบบหนึ่ง ที่เมื่อมีการกินเข้าไปแล้วคอลลาเจนก็จะต้องถูกย่อยสลายจากกระเพาะไปยังลำไส้ จนกระทั่งกลายเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด นั่นก็คือ กรดอะมิโนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย หลังจากนั้นแล้วร่างกายจะมีการนำเอากรดอะมิโนไปใช้ในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากจะถามว่าการ กินคอลลาเจนทุกวัน อันตรายไหม ก็ต้องตอบเลยว่า การกินคอลลาเจนก็เป็นเหมือนการกินโปรตีนทั่วไป จึงทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ทั้งนี้ก็ต้องกินในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายก็พอแล้ว หากว่ามีการกินคอลลาเจนต่อวันในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้ไตทำงานหนักได้ และทำให้ร่างกายรับพลังงานเกินความจำเป็น ทางที่ดีที่สุด และทำให้ปลอดภัยก็คือ กินทุกวันได้แต่ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะต่อวันเท่านั้นเอง
อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่า การ กินคอลลาเจนทุกวัน สามารถทำได้ แต่ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง หรืออันตรายตามมา โดยการกินคอลลาเจน ผลข้างเคียงที่ตามมาจากการกินเยอะเกินไปนั้น ก็มีอยู่ด้วยกันหลายอาการเลย ไม่ว่าจะเป็น การที่จะรู้สึกคลื่นไส้, มีอาการท้องผูก, ท้องเสีย, ง่วงซึม, ปวดศีรษะ, อาการแพ้ที่ผิวหนัง และแสบร้อนกลางอก ซึ่งสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรก็ไม่ควรที่จะกินคอลลาเจน เนื่องจากว่ายังไม่มีข้อมูลยืนยันที่น่าเชื่อถือว่าจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ใด ๆ ตามมา ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงไปก่อน
ในปัจจุบันนี้อย่างที่ทราบกันดีว่ามีอาหารเสริมเกี่ยวกับคอลลาเจนออกมาวางขายในท้องตลาดหลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น สรรพคุณของคอลลาเจน ที่ดีต่อร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นคอลลาเจนทั้งหลายที่วางขายในตลาดก็ไม่ได้ความหมายว่าทุกแบรนด์จะมีความปลอดภัย เพราะก็จะมีบางแบรนด์ที่อาจจะมีการผลิตแบบไม่ได้มาตรฐาน และมีสารอันตรายเจือปนอยู่ ซึ่งหากว่ากินเข้าไปก็จะส่งผลให้เกิดอันตรายตามมาได้ ทั้งนี้หากว่ากินคอลลาเจนที่ไม่มีคุณภาพไปเรื่อย ๆ สารอันตรายที่อยู่ในคอลลาเจนจะทำให้ตับ และไตทำงานหนักมากขึ้น สุดท้ายแล้วก็ทำให้เกิดเป็นตับอักเสบ และไตวายได้นั่นเอง
เมื่อได้รู้แล้วว่าการกินคอลลาเจนมากไปนั้นส่งผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ต่อมาก็จะต้องรู้ด้วยว่าจริง ๆ แล้ววันนึงกินคอลลาเจนได้เท่าไหร่ หรือกินในปริมาณแค่ไหนถึงจะเรียกว่าเหมาะสม และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ได้เคยแนะนำเอาไว้ว่า ปริมาณคอลลาเจนที่ควรกิน เพียงแค่ 2,500-5,000 มิลลิกรัมต่อวัน ถือว่าเพียงพอต่อการดูแลร่างกายให้แข็งแรง และการดูแลผิวพรรณให้สวยแบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม การกินคอลลาเจนนั้นไม่ใช่ทุกคนจะสามารถกินได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารทะเล หรือแพ้สารสกัดที่มาจากปลา จะไม่สามารถกินคอลลาเจนได้ เนื่องจากว่าคอลลาเจนมักจะสกัดมาจากปลา นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้แพ้อาหารทะเลถึงไม่สามารถกินคอลลาเจนได้ เพราะหากกินเข้าไปก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายตามมาได้
มาถึงในส่วนของการกินคอลลาเจนให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนกันบ้าง การกินคอลลาเจนจำเป็นที่จะต้องกินแบบต่อเนื่อง ไม่กินแบบวันเว้นวัน หรือนาน ๆ กินที เพราะคอลลาเจนสามารถสลายไปได้ตามระยะเวลา และหากว่าต้องการให้กินแล้วเห็นผลจึงจำเป็นที่จะต้องกินไปเรื่อย ๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างของตัวบุคคล ทั้งนี้ถ้าหากว่าต้องการกินคอลลาเจนเพื่อการบำรุงผิว เล็บ และผม ก็จะต้องกินต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และหากว่ากินเพื่อบำรุงข้อต่อ และกระดูก จะต้องกินต่อเนื่องไปเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน ก็จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่า จะต้องกินในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น และการกินคอลลาเจนนั้นไม่ใช่ใครจะกินก็สามารถกินได้ เนื่องจากว่าเมื่อกินเข้าไปแล้วก็อาจจะส่งผลกระทบบางอย่างต่อร่างกายได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าใครควรกินคอลลาเจน และใครบ้างที่ไม่สามารถกินคอลลาเจน หรือไม่ควรกินบ้าง ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. คอลลาเจนเหมาะกับใคร สำหรับคอลลาเจนก็ถือว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญมาก ๆ ต่อร่างกายอย่างหนึ่ง จึงทำให้ร่างกายจำเป็นต้องได้รับคอลลาเจนในปริมาณที่เพียงพอด้วย ซึ่งกลุ่มคนที่เหมาะสมสำหรับการกินคอลลาเจน ได้แก่
2. คนที่ควรหลีกเลี่ยงการกินคอลลาเจน โดยนอกจากที่จะมีผู้ที่สามารถกินคอลลาเจนได้แล้ว ผู้ที่ไม่ควรกินและควรหลีกเลี่ยงการกินคอลลาเจนก็มีอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ที่ต้องระวังในการกินคอลลาเจนหรือควรหลีกเลี่ยง ได้แก่
สำหรับที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็คงจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เข้าใจกันได้มากยิ่งขึ้นแล้วว่า จริง ๆ แล้วการกินคอลลาเจนเป็นประจำทุกวันนั้นอันตรายหรือไม่ แล้วควรกินปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม รวมถึงการกินคอลลาเจนในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไรได้บ้าง
ที่สำคัญยังได้รู้อีกว่าใครบ้างที่เหมาะสมกับการกินคอลลาเจน และใครบ้างที่ไม่ควร หรือควรหลีกเลี่ยงการกินคอลลาเจน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก ๆ ที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจกันก่อนกินคอลลาเจน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และไม่ก่อให้เกิดอันตรายนั่นเอง
อ้างอิง